Record 5
Monday 12 February 2018
Knowledge
การเรียนการสอนในวันนี้เป็นการนำเสนอรูปแบบการสอนในรูปแบบต่างๆ
กลุ่มที่ 1 เทคนิคการสอนแบบ
storyline
เป็นการนำสาระการเรียนรู้จากหลากหลายเรื่องมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เพื่อจัดการเรื่องรู้ภายใต้หัวเรื่องเดียวกัน โดยผูกเรื่องเป็นตอนๆเรื่องแต่ละตอนจะต่อเนื่องกันและมีลำดับเหตุการณ์ และเส้นทางการเดินเรื่องและใช้คำถามหลัก เป็นการนำไปสู่การทำกิจกรรมอย่างหลากหลายโดยการลงมือปฏิบัติ
เน้นการคิด วิเคราะห์ กระบวนการกลุ่ม
** การเลือกเรื่องที่ต้องการให้เด็กศึกษา ควรเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเด็กและมีสถานการณ์มาเป็นตัวนำในการเข้าเรื่อง
องค์ประกอบและลักษณะกิจกรรม
1. ฉาก
- แบ่งกลุ่มสร้างภาพ สองมิติ สามมิติ
- กำหนดรายการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่
- ร่วมกันอภิปรายภาพและสิ่งที่เกิดขึ้น
- อภิปรายทั่วไปเกี่ยวกับสถานที่ โดยเงื่อนไขของเวลาต่างๆ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
** ฉาก คือ การสร้างฉากหลังของเรื่องที่ต้องการให้เด็กศึกษา โดยเด็กๆ ร่วมมือกันลงมือทำ โดยการทำฉากนั้นเด็กจะได้รับการส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย จากการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย เมื่อเด็กสร้างผลงานสำเร็จแล้วเด็กจะเกิดความภาคภูมิใจในตนเองทำให้ได้พัฒนาการด้านอารมณ์ รวมไปถึงการได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น และการได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในผลงานด้วย
2. ตัวละคร
- ช่วยกันสร้าง (วาด ประดิษฐ์) ตัวละครที่กำหนดขึ้น
- ช่วยกันเสนอแนะว่ามีใครบ้าง ที่จำเป็นต้องมีอยู่ในเรื่องนี้
- เล่าเขียนอธิบายลักษณะนิสัย เพื่อนำไปเป็นเนื้อหาสาระการเรียนรู้ต่อไป
** ตัวละคร คือ การสร้างตัวละครจากเรื่องที่เลือกหรือเป็นการบันทึกลักษณะของตัวละครต่างๆ โดยเด็กจะเล่าเรื่องผ่านการวาดหรือประดิษฐ์
3. การดำเนินชีวิต
- ร่วมกันอภิปรายถึงวิถีชีวิต ของบุคคลต่างๆ ในการดำเนินชีวิตตามลักษณะความเป็นอยู่
- กิจวัตรประจำวัน การเดินทาง
4. เหตุการณ์
- ผู้เรียนได้ข้อสนอแนะถึงความเป็นไปได้ โดยการอภิปรายหรือถกเถียงร่วมกัน
- ผู้เรียนสะท้อนภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อธิบายเรื่องราวในแง่มุมต่าง ๆ
5. กฎระเบียบ
- ผู้เรียนอภิปรายถึงการกำหนดแนวทาง หลักการปฏิบัติดำเนินชีวิตร่วมกัน ตามเนื้อหาสาระ
- เขียน พิมพ์แนวทาง แผนงาน นโยบาย กิจกรรม ข้อตกลง ปิดประกาศ แจ้งให้ทราบทั่วกัน
6. จังหวะเวลา
- ให้เหตุผลต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ตามช่วงเวลาต่างๆ
- พัฒนาแนวคิดต่างๆ โดยการอภิปราย ปฏิบัติงานร่วมกันและบันทึกข้อมูล
7. เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น
- ผู้สอนและผู้เรียนร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมที่นำไปสู่การสรุปเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้ทุกคนมีความสุข เช่นงานเฉลิมฉลอง การมอบรางวัล
- วางแผนกำหนดกิจกรรมให้สมบูรณ์ เช่น พิธีเปิด กำหนดการ จดหมายขอบคุณ การแสดง การนำเสนอผลงาน
8. การสะท้อนผลงาน
- ผู้สอนกระตุ้นให้ผู้เรียนสะท้อนความรู้สึกวิพากษ์ประเด็นสำคัญ เปรียบเทียบความแตกต่าง สรุปความรู้ที่ได้จัดทำเอกสารเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ สื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือเล่มเล็ก แฟ้มสะสมงาน
แนวทางการจัดกิจกรรม
- ศึกษาแลกเปลี่ยน เรียนรู้ วิธีการจัด กิจกรรมแบบ storyline
- ศึกษาตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่มีลักษณะหัวเรื่องโดยใช้เทคนิค storyline เลือกแผนที่มีความเหมาะสมกับชั้นเรียน เพื่อทดลองสอน
- เลือกแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีความยาวสลับซับซ้อนมากขึ้นมาทดลองอีก 2-3 แผนเพื่อให้ชำนาญ
- ทดลองเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ตามหัวข้อเรื่องที่สนใจผูกโยงเนื้อหาสาระการเรียนรู้ที่หลากหลาย เข้าด้วยกัน
- สร้างคำถามหลักเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนรู้แบบ storyline
- กำหนดระยะเวลาสอนในแต่ละหัวข้อ อาจกำหนดต่อเนื่องกัน 2-3 ชั่วโมงในทุกวันศุกร์ช่วงบ่าย หรือสอนวันเว้นวัน หรือสัปดาห์สุดท้าย ก่อนปิดภาคเรียน
- นำแผนไปทดลองสอน
- บันทึกหลังสอน ปรับแผน กิจกรรม ระยะเวลา
- เนื้อหาสาระการเรียนรู้
- เตรียมสื่อแหล่งการเรียนรู้ แหล่งวิทยาการ วิทยากร สถาน
- ประเมินผลงานของนักเรียน
อ้างอิง
สุคนร์ สินธพานนท์และคณะ.(2554) วิธีสอนตามแนวปฏิรูปการศึกษา
เพื่อพัฒนาคุณภาพของเยาวชน.
ห้างหุ้นส่วนจำกัด 9119
เทคนิคพริ้นติ้ง.
ฆนัท ธาตุทอง.(2551) การออกแบบการสอนและบูรณาการ.เพชรเกษม
การพิมพ์.
ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : ควรมีวีดีโอ หรือการสาธิตตัวอย่างการสอนให้เห็นเป็นรูปธรรม
กลุ่มที่ 2 การสอนแบบวอลดอร์ฟ
ผู้ริเริ่มแนวการสอนที่รู้จักชื่อแพร่หลายแบบวอลดอร์ฟ
(Waldort) คือ รูดอร์ฟ สไตเนอร์(Rudolf Steiner) วิธีการสอนของสไตเนอร์หรือวอลดอร์ฟ
นั้นจัดเป็นการเรียนการสอนแบบเน้นกิจกรรมการเล่น คือ ดนตรี จังหวะ บทเพลง นิทาน
เพราะกิจกรรมเหล่านี้ช่วยส่งเสริมความคิดจินตนาการของเด็ก
และช่วยพัฒนาการการเคลื่อนไหวของร่างกาย
แนวการเรียนการสอนของโรงเรียนวอลดอร์ฟ
โรงเรียนแนวการเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ
เป็นแนวการศึกษาที่บูรณาการวิชาการไปกับกิจกรรรมต่างๆ
โดยมีครูคอยดูแลและอำนวยความสะดวก เน้นการจัดบรรยากาศในการเรียนการสอนที่เน้นความงดงามของธรรมชาติทั้งในกลางแจ้งและในห้องเรียน
โดยเชื่อว่าช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี
เพื่อพัฒนาให้เด็กเป็นมนุษย์ที่มีบุคลิกภาพที่สมดุลกลมกลืนไปกับโลกและสิ่งแวดล้อมและได้ใช้พลังงานทุกด้านอย่างพอเหมาะ
จุดเด่นของโรงเรียนแนวการสอนวอลดอร์ฟ
- เป้าหมาย คือ ช่วยให้มนุษย์บรรลุศักยภาพสูงสุดที่ตนมีและสามารถกำหนดความมุ่งหมายและแนวทางแก่ชีวิตของตนได้อย่างอิสระ
- เน้นเรื่องของการเชื่อมโยงมนุษย์กับจักรวาล โดยมีมุมมองว่า เด็กควรได้เล่นอย่างอิสระ ชีวิตเรียบง่ายกลมกลืนกับธรรมชาติ เน้นการสอนให้รู้จักจุดยืนที่สมดุลของตนในการใช้ชีวิตอยู่บนโลก โดยผ่านกิจกรรม 3 อย่างคือ กิจกรรมทางกาย ผ่านอารมณ์ความรู้สึก และผ่านการคิด เน้นการให้เด็กได้ใช้พลังทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ด้านศิลปะ และด้านการปฏิบัติอย่างพอเหมาะ
- จะสอนตามพัฒนาการของเด็ก โดยเฉพาะวัย 0-7 ปีเป็นวัยที่มีพัฒนาการทางกายมาก จึงเน้นไปที่การเล่นเพื่อพัฒนาอวัยวะส่วน
- สิ่งที่การเรียนแนววอลดอร์ฟเน้นมากคือ "จินตนาการของเด็กคือการเรียนรู้" วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้จะต้องเป็นธรรมชาติ เช่น ถ้าวาดรูป สีที่ใช้ก็จะมีแค่สีปฐมภูมิ คือ สีแดง สีน้ำเงิน สีเหลือง เท่านั้น แนวคิดนี้จะทำให้เด็กมีจิตใจอ่อนโยน มองเห็นว่าโลก สิ่งแวดล้อม และสรรพสิ่งเป็นสิ่งเดียวกันต้องช่วยกันรักษา ซึ่งส่งเสริมให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์เป็น
กิจกรรมที่มุ่งเน้นในโรงเรียนวอลดอร์ฟ
ส่วนใหญ่แล้วโรงเรียนแนววอลดอร์ฟมักจะเน้นไปที่การเรียนรู้แบบธรรมชาติ
ไม่มีห้องเรียน ไม่มีกระดานดำ แต่จะมีมุมต่างๆ ให้เด็กได้เรียนรู้
ได้เป็นอิสระที่จะคิดและสร้างสรรค์ หรือหากเด็กๆ ต้องการเล่นตุ๊กตา เล่นรถ
ในห้องก็จะมีข้าวของที่ทำจากธรรมชาติให้ประดิษฐ์ดัดแปลงเล่นกัน เช่น ผ้าหลากสี
ท่อนไม้ เปลือกไม้ ลูกสน เป็นต้น ทุกอย่างจะถูกกำหนดให้เป็นได้สารพัดตามแต่ใจเด็กๆ
สภาพแวดล้อมในโรงเรียนวอลดอร์ฟ
รูดอร์ฟ
สไตเนอร์ นักปรัชญาชาวเยอรมัน ผู้ริเริ่มแนวการเรียนการสอนแนววอลดอร์ฟเชื่อว่า
สิ่งแวดล้อมที่ดีจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี โดยเฉพาะเด็กๆ
ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนจะซึมซับสิ่งแวดล้อมและเรียนรู้ได้ง่าย
ดังนั้นการจัดบรรยากาศทั้งในและนอกชั้นเรียนจึงเป็นเรื่องสำคัญ
มีการเน้นความงดงามตามธรรมชาติ เช่น การจัดสีที่นุ่มนวล
แสงสว่างจากธรรมชาติที่ไม่จัดจ้า ตลอดจนเสียงที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม เช่น นกร้อง
ใบไม้ไหว น้ำไหลริน หรือเสียงดนตรีที่ไพเราะ จะสร้างความรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยน
และสดชื่นให้เกิดขึ้นในจิตใจเด็กเด็กจะมีพลังตื่นตัวและมีสมาธิในการเรียนรู้ได้ไม่ยาก
สิ่งที่เด็กได้รับจากการเรียนโรงเรียนวอลดอร์ฟ
การเรียนการสอนแนววอลดอร์ฟจะช่วยให้เด็กเติบโตเป็นมนุษย์ที่มีบุคลิกภาพสมดุลกลมกลืนกับโลกและสิ่งแวดล้อม
ให้เด็กได้พัฒนาทั้งร่างกายและจิตวิญญาณควบคู่กันไป
เด็กจะพัฒนาถึงศักยภาพสูงสุดของตนได้ โดยการเรียนรู้ของเด็กนั้นจะเป็นไปอย่างสมดุล
โดยการเรียนรู้ทางกาย (การลงมือทำ) หัวใจ (ความรู้สึก ความประทับใจ) และสมอง
(ความคิด)
อ้างอิง
อารี สัณหฉวี. นวัตกรรมปฐมวัย. ปีที่พิมพ์ 2537 การสอนแบบวอลดอร์ฟจะพัฒนาเด็กได้อย่างไร
แนวการเรียนการสอนของโรงเรียนวอลดอร์ฟ เรียบเรียงข้อมูลจาก :
พ็อกเก็ตบุ๊กส์ เลือกอนุบาล เพื่อสร้างอนาคตลูก จาก สำนักพิมพ์รักลูกบุ๊กส์
ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : การเรียนการสอนตามแนววอลดรอฟ เป็นวิธีการเรียนรู้ที่อิงธรรมชาติ หากเราไปเป็นครูต่างจังหวัดเราสามารถใช้กิจกรรมตามได้
กลุ่มที่ 3 แนวการสอนแบบภาษาธรรมชาติ
ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : การสอนแบบภาษาธรรมชาติเป็นเพียงปรัชญาความเชื่อ ไม่ใช่วิธีการสอนที่ต้องทำตามขั้นสอน ภาษาธรรมชาติคือการสอนบูรณาการเรื่องภาษา ไปในกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้แต่ยังไม่ได้เน้นให้เด็กอ่านเขียนมาก
Skills
- ทักษะสรุปข้อมูล
- ทักษะการฟัง
- ทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล
Technique teaching
- การบรรยายความรู้
- การถามตอบเพื่อกระตุ้น
- การอธิบายเพิ่มเติมจากข้อมูลที่มีอยู่
Adoption
- สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนไปใช้ได้ โดยการปรับรูปแบบการเรียนการสอนเพื่อนำไปพัฒนาเด็กปฐมวัยผ่านกิจกรรมต่างๆ และยังได้เข้าใจธรรมชาติของเด็กมากขึ้นอีกด้วย
Assessment
ประเมินตนเอง
- เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย มีการตอบคำถาม และตั้งใจฟังอาจารย์
ประเมินเพื่อนร่วมชั้น
- เพื่อนๆ เข้าเรียนตรงเวลา ช่วยกันตอบคำถามและตั้งใจเรียน
ประเมินอาจารย์ผู้สอน
- อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีการถามตอบกับนักศึกษาอยู่ตลอด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น