Record 2
Monday 22 January 2018
Knowledge
การเรียนการสอนในวันนี้เป็นการนำเสนอเรื่องที่อาจารย์มอบหมายของแต่ละกลุ่ม โดยประกอบด้วย เรื่องพัฒนาการตามวัยของเด็กปฐมวัย ความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย และรูปแบบการเรียนรู้แบบโครงการ
กลุ่มที่ 1 เรื่องพัฒนาการตามวัยของเด็กปฐมวัย
พัฒนาการของเด็กปฐมวัยนั้นได้อ้างอิงมาจากหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ซึ่งจะประกอบไปด้วย พัฒนาการด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ จิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา
ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : ให้เปรียบเทียบพัฒนาการของเด็กปฐมวัยในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2546 กับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2560 ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร อาจมีข้อแตกต่างเล็กน้อย แต่สิ่งที่เหมือนกันคือพัฒนาการของเด็กปฐมวัยแต่ละช่วงวัยนั้นเราควรศึกษาไว้เพื่อออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยนั่นเอง
กลุ่มที่ 2 ความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย
เด็กปฐมวัยเป็นวัยเริ่มต้นของชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความเป็นมนุษย์ การสร้างรากฐานที่ดีทั้งทางร่างกาย และจิตใจให้กับเด็กในวันนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะช่วงอายุแรกเกิด ถึง6 ปีเป็นระยะที่มีความสำคัญช่วงหนึ่งในการวางรากฐานคุณภาพชีวิตของเด็ก ด้วยเหตุที่เด็กปฐมวัยมีธรรมชาติและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างไปจากบุคคลวัยอื่นๆ
ความต้องการ
ความต้องการเป็นสิ่งจาเป็นสำหรับการดำรงชีวิต ความต้องการเกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดความสมดุล ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทาให้ร่างกายเกิดความเครียด ไม่เป็นสุข ดังนั้นร่างกายจึงต้องมีการกระทำเกิดขึ้นเพื่อให้ร่างกายกลับสู่สภาวะสมดุลตามปกติ
ชนิดของความต้องการ
1.ความต้องการของแต่ละคน (Individual Needs )
- ความต้องการทางอินทรีย์
- ความต้องการที่จะสร้างบุคลิกภาพ
2 ความต้องการที่จะสร้างบุคลิกภาพ
- ความต้องการที่จะรักคนอื่นและให้คนอื่นรักตน
- ความต้องการความปลอดภัย
- ความต้องการการมีส่วนร่วม หรือเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
- ความต้องการความสัมฤทธิ์ผลหรือต้องการให้บรรลุจุดมุ่งหมายของตน
- ความต้องการรู้สิ่งต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาสติปัญญา
- ความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงจากสภาพที่อยู่ปกติให้เป็นสภาพใหม่
- ความต้องการที่จะรับความพึงพอใจในทางสวยงาม
ความต้องการทางสังคม (Social Need)
ได้แก่ ความต้องการความปลอดภัยทางเศรษฐกิจ การนับหน้าถือตา ความนิยมชมชื่น ความเป็นมิตรภาพต่อกัน และความต้องการในสมบูรณาการ (Integration) ซึ่งเป็นความต้องการ ที่เป็นความสุขของชีวิตตามอุดมคติ
- ความต้องการของเด็กปฐมวัย
- ความต้องการพื้นฐานทางกาย เพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่
- ความต้องการความอิสระ ควบคู่ไปกับความต้องการพื้นฐานทางกาย
- ความต้องการผลสัมฤทธิ์ มักจะต้องการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทั้งสิ้น
- ความต้องการประสบการณ์ที่ท้าทาย
- ความต้องการมีเพื่อน เด็กปฐมวัยส่วนใหญ่ชอบอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น
เด็กปฐมวัยจะมีความใจอยู่ช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 นาทีตามวัยของเด็ก หากเราจะจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการขอเด็กปฐมวัย และอยากให้เด็กสนใจและเกิดความต้องการเราต้องศึกษาสิ่งที่เด็กสนใจ หรือวิธีการเรียนรู้ของเด็ก นั่นก็คือการที่เด็กได้เป็นผู้ปฏิบัติเอง ได้ลงมือทำเอง เป็นต้น
ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : ความสนใจของเด็กนั้นส่วนใหญ่อยู่กับการเล่น ให้หาทฤษฎีเพิ่มเติม
กลุ่มที่ 3 การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
การเรียนรู้ หมายถึง
การเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
หรือจากการฝึกหัด รวมทั้งการเปลี่ยนปริมาณความรู้ของผู้เรียน
มีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ
1)
มนุษย์ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจาก “ไม่รู้” เป็น
“รู้”
“ทำไม่ได้”
เป็น “ทำได้” “ไม่เคยทำ” เป็น
“ทำ”
2)
การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนั้นต้องเป็นไปอย่างถาวร
3) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้น
เกิดจากประสบการณ์การฝึกฝนและการฝึกหัด ไม่ใช่จากเหตุอื่นๆนอกจากนั้น
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจท์
เพียเจท์
กล่าวถึง
การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากการทำงานของโครงสร้างทางปัญญา เป็นวิธีที่เด็กจะเริ่มต้นด้วยความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับสิ่งแวดล้อม เพียเจท์ได้มองการเล่นเป็นกระบวนการพัฒนาทางสติปัญญา
ซึ่งกระบวนการพัฒนาทางสติปัญญา และลักษณะของการเล่นนั้น
จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เพียเจท์ได้แบ่งพัฒนาการทางสติปัญญาออกเป็น 4
ขั้น
1.
ขั้นประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว
2. ขั้นความคิดก่อนปฏิบัติการ
3. ขั้นปฏิบัติการคิดแบบรูปธรรม
4. ขั้นปฏิบัติการคิดแบบนามธรรม
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของไวกอสกี้
กล่าวว่า เด็กจะเกิดการเรียนรู้
พัฒนาสติปัญญาและทัศนคติเมื่อมีการปฏิสัมพันธ์และทำงานร่วมกับผู้อื่น
หากเด็กต้องเผชิญกับปัญหาที่ท้าทายแต่ไม่สามารถคิดแก้ปัญหาโดยลำพัง
แต่ถ้าได้รับการช่วยเหลือแนะนำจากผู้ใหญ่หรือเพื่อนที่มีประสบการณ์มาก่อน
เด็กจะสามารถแก้ปัญหานั้นและจะเกิดการเรียนรู้ได้
ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของบรูเนอร์
เชื่อว่า ครูสามารถจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัยเพื่อให้เด็กเกิดความพร้อมที่จะเรียนได้
โดยต้องคำนึงถึงทฤษฎีพัฒนาการว่าเป็นตัวเชื่อมระหว่างความรู้และการสอน
กล่าวคือพัฒนาการจะเป็นตัวกำหนดเนื้อหาความรู้และวิธีการสอน
หรือกิจกรรมการเรียนการสอนต้องสอดคล้องกับพัฒนาการและความสามารถของเด็กเป็นหลัก
จึงได้แบ่งขั้นพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กปฐมวัยออกเป็น 3 ขั้นตอน
1.
ขั้นการเรียนรู้ด้วยการกระทำ
2.
ขั้นการเรียนรู้ด้วยภาพและจินตนาการ
3.
ขั้นการเรียนรู้ด้วยสัญลักษณ์
หลักการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
1. จัดประสบการณ์การเล่นและการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กโดยองค์รวมอย่างต่อเนื่อง
2. เน้นเด็กเป็นสำคัญ สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบุคคล
และบริบทของสังคมที่เด็กอาศัยอยู่
3. จัดให้เด็กได้รับพัฒนาโดยให้ความสำคัญทั้งกับกระบวนการและผลผลิต
แนวการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
1. จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการ
2. จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ของเด็กวัยนี้
3. จัดประสบการณ์ในรูปแบบบูรณาการ
4. จัดประสบการณ์ให้เด็กได้ริเริ่ม คิด วางแผน ตัดสินใจ ลงมือกระทำ และนำเสนอความคิด
5. จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่น กับผู้ใหญ่
6. จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายและอยู่ในวิถีชีวิตของเด็ก
7. จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจำวันและสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม
8. จัดสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียน
ให้มีมุมเล่น หรือมุมประสบการณ์ หรือศูนย์การเรียนต่าง ๆ
ให้เด็กได้มีโอกาสเล่นร่วมกับผู้อื่น
ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจะเรียนรู้ผ่านการเล่น และความสนใจของเด็กปฐมวัยนั้นก็ขึ้นอยู่กับวัย ให้ศึกษาทฤษฎีการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
กลุ่มที่ 4 รูปแบบการเรียนรู้นวัตกรรมการสอนโปรเจค (Project Approach)
การสอนแบบโครงการ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้
แนวการเรียนการสอนแบบ Project Approach
โรงเรียนแนว Project Approach หรือการเรียนการสอนแบบโครงการ ได้นำแนวคิดของ John Dewey มาประยุกต์เป็นรูปแบบการเรียนการสอน
แนว Project Approach หรือการเรียนการสอนแบบโครงการ เป็นการเรียนเพื่อสนองความต้องการของเด็ก ไม่มีการแข่งขัน แต่เป็นการเรียนแบบร่วมมือ เป็นนวัตกรรมทางการสอนที่บูรณาการการสอนหลายๆอย่างเข้าไว้ด้วยกัน เช่น
- Child Center (การเรียนรู้ในลักษณะที่เด็กเป็นศูนย์กลาง)
- Whole Language(การเรียนรู้ภาษาแบบธรรมชาติ)
- High-Scope(การวางแผน ลงมือทำ และสรุปเองโดยเด็ก)
หลักการสำคัญของรูปแบบการสอนแบบโครงการ
1. เด็กศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึก จนพบคำตอบที่ต้องการ
2. เรื่องที่เด็กศึกษาเป็นเรื่องที่เด็กเป็นผู้เลือกเองตามความสนใจ เป็นประเด็นที่เด็กตั้งคำถามขึ้นมาเอง
3. จัดกิจกรรมมุ่งให้เด็กได้มีประสบการณ์ตรงกับเรื่องที่เด็กศึกษา โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้สังเกตอย่างใกล้ชิด จากแหล่งความรู้เบื้องต้น
4. ระยะเวลาแต่ละโครงการยาวนานอย่างเพียงพอตามความสนใจของเด็กเพื่อที่จะให้เด็กค้นพบคำตอบ และคลี่คลายความสงสัยใคร่รู้
5. จัดกิจกรรมให้เด็กได้ประสบกับทั้งความสำเร็จ และความล้มเหลวในกระบวนการการแสวงหาความรู้ตามวิธีการของเด็กเอง
6. เมื่อเด็กค้นพบคำตอบ เปิดโอกาสให้เด็กนำความรู้ใหม่ๆที่ได้นั้นมาเสนอในรูปแบบต่างๆ ตามความต้องการของเด็กเอง อาจเป็นการเขียน การวาดภาพระบายสี การสร้างแบบจำลอง การเล่นบทบาทสมมติ การแต่งนิทานหรือรูปแบบอื่นๆ
7. เด็กเสนอความรู้ต่อเพื่อนๆ และคนอื่นๆอันแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของกระบวนการศึกษาของตนเอง และเกิดความภาคภูมิใจในความสำเร็จนั้น
วิธีจัดการเรียนการสอนมี 3 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 เริ่มต้นโครงการ
- เด็กๆ เลือกว่าจะศึกษาเรื่องอะไร โดยครูเป็นผู้ให้คำแนะนำ
- เด็กๆ อภิปรายว่า มีความรู้เดิมอะไร เกี่ยวกับเรื่องที่เลือกแล้วบ้าง ครูช่วยให้เด็กๆบันทึกความคิดของเด็กๆ ด้วยวิธีต่างๆ เช่น วาด ปั้น จำลอง ฯลฯ (เล่าประสบการณ์เดิม)
- เด็กๆบอกข้อสงสัยที่เด็กๆมีเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กๆจะเรียนรู้ และครูช่วยบันทึกคำถามเหล่านั้น
- เด็กๆพูดคุยเกี่ยวกับว่าคำตอบที่เด็กๆจะสำรวจสืบค้นได้นั้น น่าจะเป็นอะไร อย่างไร ครูช่วยเด็กๆบันทึกความคาดคะเนของเด็กๆไว้ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลในภายหลัง (คิดกิจกรรม)
ระยะที่ 2 ระยะพัฒนา
ให้โอกาสเด็กค้นคว้า และมีประสบการณ์ใหม่เป็นงานในภาคสนาม ประกอบด้วยการสืบค้นตามแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ระยะนี้ถือเป็นหัวใจของโครงการ ครูจะเป็นผู้จัดหา จัดเตรียมแหล่งข้อมูลให้เด็กสืบค้น ไม่ว่าจะเป็นจริง หนังสือ วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆหรือแม้แต่การออกภาคสนามหรือไปศึกษานอกสถานที่ หรือนัดหมายผู้เชี่ยวชาญ วิทยากรท้องถิ่น เพื่อให้เด็กได้ทำการสืบค้น สังเกตอย่างใกล้ชิด และบันทึกสิ่งที่พบเห็น เขียนภาพที่เกิดจากการสังเกต จัดทำกราฟ แผนภูมิ ไดอะแกรม หรือสร้างแบบต่าง ๆ สำรวจ คาดคะเน มีการอภิปรายเล่นบทบาทสมมติเพื่อแสดงความเข้าใจในความรู้ใหม่ที่ได้
ระยะที่ 3 สรุปโครงการ
ประเมิน สะท้อนกลับ และแลกเปลี่ยนงานโครงการเป็นระยะสรุปเหตุการณ์ รวมถึงการเตรียมเสนอรายงานและผลที่ได้ในรูปของการจัดแสดงการค้นพบ และจัดทำสิ่งต่าง ๆ สนทนา เล่นบทบาทสมมติ หรือจัดนำชมสิ่งที่ได้จากการก่อสร้างครูควรจัดให้เด็กได้แลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเรียนรู้กับผู้อื่น เด็กสามารถช่วยกันเล่าเรื่องการทำโครงการให้ผู้อื่นฟังโดยจัดแสดงสิ่งที่เป็นจุดเด่นให้เพื่อนในชั้นเรียนอื่น ครู พ่อ แม่ ผู้ปกครอง และผู้บริหารได้เห็น ครูจะช่วยเด็กเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่จะนำมาแสดง ซึ่งการทำเช่นนี้เท่ากับช่วยให้เด็กทบทวนและประเมินโครงการทั้งหมด ครูอาจเสนอให้เด็กใช้จินตนาการ ความรู้ใหม่ที่ได้ผ่านทางศิลปะ ทางละคร
*ทุกครั้งที่จบโครงการจะต้องมีการไต่ตรองสารนิทัศน์
การเรียนการสอนแบบ Project Approach เป็นส่วนส่งเสริมให้เด็กได้มีการพัฒนาทักษะในทุกด้านดังนี้
- การคิดอย่างมีเหตุมีผล
- การทำงานอย่างเป็นระบบ
- การวางแผนการทำงาน
- ภาษา การสื่อสาร
- พัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ
- การคิดแก้ปัญหา
- ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
- การแสดงความคิดเห็น กล้าพูด กล้าทำ กล้าแสดงออก
- มีความคิดรวบยอด
- การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
- มีความกระตือรือร้นต่อการเรียนรู้ของสิ่งรอบตัว
- มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
- มีความสุข สนุกสนานกับการเรียนรู้
- เห็นคุณค่าในความคิดของตนเอง
วีดีโอเพิ่มเติมความรู้
ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : รูปแบบการเรียนรู้แบบโครงการเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องพบเจออยู่บ่อยๆ และอาจมีโอกาสได้สอน อาจารย์จึงให้เราทบทวนกระบวนการต่างๆ และไม่ควรข้ามขั้นแม้แต่ขั้นเดียว เพื่อความสมบูรณ์ของโครงการ
Skills
- ทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล
- ทักษะการฟัง
- ทักษะการต่อยอดความรู้
- ทักษะการนำเสนอ
- ทักษะการสรุปความรู้จากข้อมูล
Technique teaching
- การบรรยายความรู้
- การถามตอบเพื่อกระตุ้น
- การสรุปความรู้อย่างเป็นรูปธรรม
Adoption
- สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการนำเสนอของเพื่อนๆ และอาจารย์ไปต่อยอดความรู้ในการออกแบบกิจกรรมการสอนเพื่อให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก และเหมาะสมกับวิธีการเรียนรู้ของเด็ก รวมไปถึงได้รับเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการออกแบบกิจกรรมอีกด้วย
Assessment
ประเมินตนเอง
- เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย และตั้งใจฟังอาจารย์
ประเมินเพื่อนร่วมชั้น
- เพื่อนๆเข้าเรียนตรงเวลา ช่วยกันตอบคำถามและตั้งใจเรียน
ประเมินอาจารย์ผู้สอน
- อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีการถามตอบกับนักศึกษาอยู่ตลอด
**คำศัพท์**
Development แปลว่า พัฒนาการ
Interest แปลว่า ความสนใจ
Innovation แปลว่า นวัตกรรม
Experience แปลว่า ประสบการณ์
Environment แปลว่า สภาพแวดล้อม