Cute Dog Bopping Head Welcome to blogger of Warunya Sridaoroek.

วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561

Record 3
Monday 29 January 2018
Knowledge
          การเรียนการสอนในวันนี้เริ่มต้นด้วยการทบทวนบทเรียนจากสัปดาห์ที่แล้ว ในเรื่องที่ได้ทำการนำเสนอและอาจารย์ให้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม สรุปได้ว่า
  • หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2560 มีสภาพที่พึงประสงค์ 12 ประการ และมีตัวบ่งชี้ของเด็กเราต้องศึกษาเพื่อนำไปออกแบบกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยในระดับอายุต่างๆ
  • การเรียนรู้ของเด็กนั้นคือการเล่นทำให้เด็กได้พัฒนาสมองและสติปัญญาผ่านการลงมือทำ โดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 
  • กระบวนการเรียนรู้ได้มากจากประสบการณ์ เมื่อเกิดสถานการณ์ต่างๆ สมองจะรับรู้ จากนั้นจะแปลผลเป็นความเข้าใจ เช่น เด็กเล่นตุ๊กตาแมว เมื่อเจอแมวตัวจริงก็เข้าไปเล่น เมื่อเล่นแล้วโดนแมวกัด เมื่อผ่านไปเจอแมวอีกหากเด็กไปเข้าไปเล่นนั่นหมายความว่าเด็ก เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากรับรู้เป็นความเข้าใจ
  • การเรียนรู้ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อการดำรงชีวิตให้อยู่รอด และพัฒนาตนเองไปในทางที่ดี
  • การสอนแบบโครงการ คือ การเรียนรู้ของเด็กในเรื่องที่เด็กสนใจ และมีประโยชน์กับเด็ก เพราะเด็กจะได้ค้นหาคำตอบในเรื่องที่สนใจด้วยตนเอง และมีความเข้าใจอย่างลุ่มลึก โดยมีครูเป็นผู้คอยอำนวยความสะดวก
กิจกรรมการเรียนการสอน
          อาจารย์ได้ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน จากนั้นอาจารย์ได้แบ่งหัวข้อให้ศึกษา คือ หน่วยการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ประกอบไปด้วย
  • หน่วยตัวฉัน
  • หน่วยผีเสืื้อ
  • หน่วยผลไม้เพื่อสุขภาพ
  • หน่วยใต้ร่มเงาไม้
  • หน่วยบ้านแสนรัก
  • หน่วยอาหารดีมีคุณค่า
กลุ่มที่ 1 หน่วยตัวฉัน
ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากอาจารย์ : เพิ่มเพศ (เพศชาย,เพศหญิง) เพิ่มอวัยวะ (ภายนอก,ภายใน) ข้อควรระวัง และการดูแลร่างกาย เช่นการอาบน้ำ สระผม ตัดเล็บ

กลุ่มที่ 2 หน่วยผีเสื้อ
ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากอาจารย์ : ผีเสื้อเป็นสิ่งมีชีวิตควรสอนให้เด็กได้เห็นถึงความแตกต่างของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต โดยการเพิ่ม การดำรงชีวิตของผีเสื้อ และเพิ่มประโยชน์ของผีเสื้อ (ต่อตนเอง สิ่งแวดล้อม เชิงพาณิชย์)

กลุ่มที่ 3 หน่วยผลไม้เพื่อสุขภาพ
ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากอาจารย์ : ผลไม้เป็นสิ่งมีชีวิตให้เปลี่ยนหัวข้อจากการดูแลรักษาเป็นปัจจัยในการเจริญเติบโต

กลุ่มที่ 4 หน่วยใต้ร่มเงาไม้
ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากอาจารย์ : เพิ่มส่วนประกอบของต้นไม้ เช่น กิ่ง ก้าน ใบ ลำต้น  เปลี่ยนหัวข้อจากการดูแลรักษาเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิต และเพิ่มประโยชน์ในด้านต่างๆ คือ ประโยชน์ของตัวมันเอง ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม และประโยชน์ในเชิงพาณิชย์

กลุ่มที่ 5 บ้านแสนรัก
ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากอาจารย์ : ปรับประเภทของบ้านให้ชัดเจนกว่านี้ เช่น แบ่งโดยใช้แหล่งที่อยู่ (บ้านบนบก บ้านในน้ำ เป็นต้น)

กลุ่มที่ 6 หน่วยอาหารดีมีคุณค่า
ข้อแนะนำเพิ่มเติมจากอาจารย์ : เพิ่มอาหารหลัก 5 หมู่ 
Skills
       - ทักษะสรุปข้อมูล
       - ทักษะการฟัง
       - ทักษะการคิด
       - ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น

Technique teaching
       - การบรรยายความรู้
       - การถามตอบเพื่อกระตุ้น
       - การทำกิจกรรมกลุ่ม

Adoption
       - สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนไปใช้ได้ เช่น การออกแบบหน่วยการเรียนรู้ ว่าในหนึ่งหน่วยนี้เด็กๆ ควรที่จะเรียนรู้เรื่องอะไรบ้าง และยังได้ข้อแนะนำจากอาจารย์เพิ่มเติมทำให้เรามองเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น สามารถนำหน่วยต่างๆ เหล่านี้ไปใช้ในการเขียนแผนการสอนได้

Assessment
       ประเมินตนเอง 
              - เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย และตั้งใจฟังอาจารย์
       ประเมินเพื่อนร่วมชั้น 
              - เพื่อนๆเข้าเรียนตรงเวลา ช่วยกันตอบคำถามและตั้งใจเรียน 
       ประเมินอาจารย์ผู้สอน 
              - อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีการถามตอบกับนักศึกษาอยู่ตลอด และแนะนำดีมาก
**คำศัพท์**
Teamwork แปลว่า   การทำงานเป็นทีม
Behavior แปลว่า   พฤติกรรม
Useful แปลว่า   มีประโยชน์
organ แปลว่า   อวัยวะ
livelihood      แปลว่า   การดำรงชีวิต

วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561

Record 2
Monday 22 January 2018
Knowledge
          การเรียนการสอนในวันนี้เป็นการนำเสนอเรื่องที่อาจารย์มอบหมายของแต่ละกลุ่ม โดยประกอบด้วย เรื่องพัฒนาการตามวัยของเด็กปฐมวัย ความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย และรูปแบบการเรียนรู้แบบโครงการ 

กลุ่มที่ 1 เรื่องพัฒนาการตามวัยของเด็กปฐมวัย

       พัฒนาการของเด็กปฐมวัยนั้นได้อ้างอิงมาจากหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ซึ่งจะประกอบไปด้วย พัฒนาการด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ จิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา

ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : ให้เปรียบเทียบพัฒนาการของเด็กปฐมวัยในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2546 กับหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย 2560 ว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร อาจมีข้อแตกต่างเล็กน้อย แต่สิ่งที่เหมือนกันคือพัฒนาการของเด็กปฐมวัยแต่ละช่วงวัยนั้นเราควรศึกษาไว้เพื่อออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยนั่นเอง
กลุ่มที่ 2 ความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย

       เด็กปฐมวัยเป็นวัยเริ่มต้นของชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความเป็นมนุษย์  การสร้างรากฐานที่ดีทั้งทางร่างกาย และจิตใจให้กับเด็กในวันนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะช่วงอายุแรกเกิด ถึง6 ปีเป็นระยะที่มีความสำคัญช่วงหนึ่งในการวางรากฐานคุณภาพชีวิตของเด็ก ด้วยเหตุที่เด็กปฐมวัยมีธรรมชาติและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างไปจากบุคคลวัยอื่นๆ
ความต้องการ
         ความต้องการเป็นสิ่งจาเป็นสำหรับการดำรงชีวิต ความต้องการเกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดความสมดุล  ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทาให้ร่างกายเกิดความเครียด ไม่เป็นสุข ดังนั้นร่างกายจึงต้องมีการกระทำเกิดขึ้นเพื่อให้ร่างกายกลับสู่สภาวะสมดุลตามปกติ
ชนิดของความต้องการ
1.ความต้องการของแต่ละคน (Individual Needs )
       - ความต้องการทางอินทรีย์
       - ความต้องการที่จะสร้างบุคลิกภาพ
2 ความต้องการที่จะสร้างบุคลิกภาพ
       - ความต้องการที่จะรักคนอื่นและให้คนอื่นรักตน
       - ความต้องการความปลอดภัย
       - ความต้องการการมีส่วนร่วม หรือเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
       - ความต้องการความสัมฤทธิ์ผลหรือต้องการให้บรรลุจุดมุ่งหมายของตน
       - ความต้องการรู้สิ่งต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาสติปัญญา
       - ความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงจากสภาพที่อยู่ปกติให้เป็นสภาพใหม่
       - ความต้องการที่จะรับความพึงพอใจในทางสวยงาม
ความต้องการทางสังคม (Social Need)
         ได้แก่ ความต้องการความปลอดภัยทางเศรษฐกิจ การนับหน้าถือตา ความนิยมชมชื่น ความเป็นมิตรภาพต่อกัน และความต้องการในสมบูรณาการ (Integration) ซึ่งเป็นความต้องการ  ที่เป็นความสุขของชีวิตตามอุดมคติ
  • ความต้องการของเด็กปฐมวัย
  • ความต้องการพื้นฐานทางกาย เพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่
  • ความต้องการความอิสระ ควบคู่ไปกับความต้องการพื้นฐานทางกาย
  • ความต้องการผลสัมฤทธิ์ มักจะต้องการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทั้งสิ้น
  • ความต้องการประสบการณ์ที่ท้าทาย
  • ความต้องการมีเพื่อน เด็กปฐมวัยส่วนใหญ่ชอบอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น
       เด็กปฐมวัยจะมีความใจอยู่ช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 นาทีตามวัยของเด็ก หากเราจะจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการขอเด็กปฐมวัย และอยากให้เด็กสนใจและเกิดความต้องการเราต้องศึกษาสิ่งที่เด็กสนใจ หรือวิธีการเรียนรู้ของเด็ก นั่นก็คือการที่เด็กได้เป็นผู้ปฏิบัติเอง ได้ลงมือทำเอง เป็นต้น

ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : ความสนใจของเด็กนั้นส่วนใหญ่อยู่กับการเล่น ให้หาทฤษฎีเพิ่มเติม
กลุ่มที่ 3 การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
       การเรียนรู้ หมายถึง การเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม หรือจากการฝึกหัด รวมทั้งการเปลี่ยนปริมาณความรู้ของผู้เรียน   
มีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ 
              1) มนุษย์ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจาก ไม่รู้เป็น รู้”  ทำไม่ได้ เป็น ทำได้” “ไม่เคยทำเป็น ทำ” 
              2) การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนั้นต้องเป็นไปอย่างถาวร 
              3) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้น เกิดจากประสบการณ์การฝึกฝนและการฝึกหัด ไม่ใช่จากเหตุอื่นๆนอกจากนั้น

ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจท์
       เพียเจท์  กล่าวถึง การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยว่าเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากการทำงานของโครงสร้างทางปัญญา เป็นวิธีที่เด็กจะเริ่มต้นด้วยความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับสิ่งแวดล้อม เพียเจท์ได้มองการเล่นเป็นกระบวนการพัฒนาทางสติปัญญา ซึ่งกระบวนการพัฒนาทางสติปัญญา และลักษณะของการเล่นนั้น จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน  เพียเจท์ได้แบ่งพัฒนาการทางสติปัญญาออกเป็น  4  ขั้น
       1.  ขั้นประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว
       2. ขั้นความคิดก่อนปฏิบัติการ
       3. ขั้นปฏิบัติการคิดแบบรูปธรรม
       4. ขั้นปฏิบัติการคิดแบบนามธรรม

ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของไวกอสกี้
       กล่าวว่า เด็กจะเกิดการเรียนรู้  พัฒนาสติปัญญาและทัศนคติเมื่อมีการปฏิสัมพันธ์และทำงานร่วมกับผู้อื่น  หากเด็กต้องเผชิญกับปัญหาที่ท้าทายแต่ไม่สามารถคิดแก้ปัญหาโดยลำพัง  แต่ถ้าได้รับการช่วยเหลือแนะนำจากผู้ใหญ่หรือเพื่อนที่มีประสบการณ์มาก่อน  เด็กจะสามารถแก้ปัญหานั้นและจะเกิดการเรียนรู้ได้

ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของบรูเนอร์
       เชื่อว่า ครูสามารถจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัยเพื่อให้เด็กเกิดความพร้อมที่จะเรียนได้ โดยต้องคำนึงถึงทฤษฎีพัฒนาการว่าเป็นตัวเชื่อมระหว่างความรู้และการสอน กล่าวคือพัฒนาการจะเป็นตัวกำหนดเนื้อหาความรู้และวิธีการสอน   หรือกิจกรรมการเรียนการสอนต้องสอดคล้องกับพัฒนาการและความสามารถของเด็กเป็นหลัก จึงได้แบ่งขั้นพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กปฐมวัยออกเป็น 3 ขั้นตอน
       1.  ขั้นการเรียนรู้ด้วยการกระทำ
       2.  ขั้นการเรียนรู้ด้วยภาพและจินตนาการ
       3.  ขั้นการเรียนรู้ด้วยสัญลักษณ์
หลักการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
       1. จัดประสบการณ์การเล่นและการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กโดยองค์รวมอย่างต่อเนื่อง
       2. เน้นเด็กเป็นสำคัญ สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบุคคล และบริบทของสังคมที่เด็กอาศัยอยู่
       3. จัดให้เด็กได้รับพัฒนาโดยให้ความสำคัญทั้งกับกระบวนการและผลผลิต  
แนวการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
       1. จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการ
       2. จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ของเด็กวัยนี้
       3. จัดประสบการณ์ในรูปแบบบูรณาการ
       4. จัดประสบการณ์ให้เด็กได้ริเริ่ม คิด วางแผน ตัดสินใจ ลงมือกระทำ และนำเสนอความคิด
       5. จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่น กับผู้ใหญ่
       6. จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายและอยู่ในวิถีชีวิตของเด็ก           
       7. จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจำวันและสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม   
       8. จัดสภาพแวดล้อมภายในห้องเรียน ให้มีมุมเล่น หรือมุมประสบการณ์ หรือศูนย์การเรียนต่าง ๆ ให้เด็กได้มีโอกาสเล่นร่วมกับผู้อื่น

ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจะเรียนรู้ผ่านการเล่น และความสนใจของเด็กปฐมวัยนั้นก็ขึ้นอยู่กับวัย ให้ศึกษาทฤษฎีการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย
กลุ่มที่ 4 รูปแบบการเรียนรู้นวัตกรรมการสอนโปรเจค (Project Approach)

        การสอนแบบโครงการ หมายถึง การจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้

แนวการเรียนการสอนแบบ Project Approach
โรงเรียนแนว Project Approach หรือการเรียนการสอนแบบโครงการ ได้นำแนวคิดของ John Dewey มาประยุกต์เป็นรูปแบบการเรียนการสอน
           แนว Project Approach หรือการเรียนการสอนแบบโครงการ เป็นการเรียนเพื่อสนองความต้องการของเด็ก ไม่มีการแข่งขัน แต่เป็นการเรียนแบบร่วมมือ เป็นนวัตกรรมทางการสอนที่บูรณาการการสอนหลายๆอย่างเข้าไว้ด้วยกัน เช่น
        - Child Center (การเรียนรู้ในลักษณะที่เด็กเป็นศูนย์กลาง)
        - Whole Language(การเรียนรู้ภาษาแบบธรรมชาติ)
        - High-Scope(การวางแผน ลงมือทำ และสรุปเองโดยเด็ก)
หลักการสำคัญของรูปแบบการสอนแบบโครงการ
        1. เด็กศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึก  จนพบคำตอบที่ต้องการ
        2. เรื่องที่เด็กศึกษาเป็นเรื่องที่เด็กเป็นผู้เลือกเองตามความสนใจ  เป็นประเด็นที่เด็กตั้งคำถามขึ้นมาเอง
        3. จัดกิจกรรมมุ่งให้เด็กได้มีประสบการณ์ตรงกับเรื่องที่เด็กศึกษา  โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้สังเกตอย่างใกล้ชิด จากแหล่งความรู้เบื้องต้น
        4. ระยะเวลาแต่ละโครงการยาวนานอย่างเพียงพอตามความสนใจของเด็กเพื่อที่จะให้เด็กค้นพบคำตอบ  และคลี่คลายความสงสัยใคร่รู้
        5. จัดกิจกรรมให้เด็กได้ประสบกับทั้งความสำเร็จ  และความล้มเหลวในกระบวนการการแสวงหาความรู้ตามวิธีการของเด็กเอง
        6. เมื่อเด็กค้นพบคำตอบ  เปิดโอกาสให้เด็กนำความรู้ใหม่ๆที่ได้นั้นมาเสนอในรูปแบบต่างๆ ตามความต้องการของเด็กเอง  อาจเป็นการเขียน  การวาดภาพระบายสี  การสร้างแบบจำลอง  การเล่นบทบาทสมมติ  การแต่งนิทานหรือรูปแบบอื่นๆ
        7. เด็กเสนอความรู้ต่อเพื่อนๆ และคนอื่นๆอันแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของกระบวนการศึกษาของตนเอง  และเกิดความภาคภูมิใจในความสำเร็จนั้น
วิธีจัดการเรียนการสอนมี 3 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 เริ่มต้นโครงการ
  • เด็กๆ เลือกว่าจะศึกษาเรื่องอะไร โดยครูเป็นผู้ให้คำแนะนำ
  • เด็กๆ อภิปรายว่า มีความรู้เดิมอะไร เกี่ยวกับเรื่องที่เลือกแล้วบ้าง ครูช่วยให้เด็กๆบันทึกความคิดของเด็กๆ ด้วยวิธีต่างๆ เช่น วาด ปั้น จำลอง ฯลฯ (เล่าประสบการณ์เดิม)
  • เด็กๆบอกข้อสงสัยที่เด็กๆมีเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กๆจะเรียนรู้ และครูช่วยบันทึกคำถามเหล่านั้น
  • เด็กๆพูดคุยเกี่ยวกับว่าคำตอบที่เด็กๆจะสำรวจสืบค้นได้นั้น น่าจะเป็นอะไร อย่างไร ครูช่วยเด็กๆบันทึกความคาดคะเนของเด็กๆไว้ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลในภายหลัง (คิดกิจกรรม)



ระยะที่ 2 ระยะพัฒนา
         ให้โอกาสเด็กค้นคว้า และมีประสบการณ์ใหม่เป็นงานในภาคสนาม  ประกอบด้วยการสืบค้นตามแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ระยะนี้ถือเป็นหัวใจของโครงการ ครูจะเป็นผู้จัดหา  จัดเตรียมแหล่งข้อมูลให้เด็กสืบค้น  ไม่ว่าจะเป็นจริง หนังสือ  วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆหรือแม้แต่การออกภาคสนามหรือไปศึกษานอกสถานที่  หรือนัดหมายผู้เชี่ยวชาญ วิทยากรท้องถิ่น  เพื่อให้เด็กได้ทำการสืบค้น สังเกตอย่างใกล้ชิด  และบันทึกสิ่งที่พบเห็น เขียนภาพที่เกิดจากการสังเกต จัดทำกราฟ แผนภูมิ ไดอะแกรม  หรือสร้างแบบต่าง ๆ สำรวจ  คาดคะเน  มีการอภิปรายเล่นบทบาทสมมติเพื่อแสดงความเข้าใจในความรู้ใหม่ที่ได้


 
ระยะที่ 3 สรุปโครงการ
ประเมิน สะท้อนกลับ  และแลกเปลี่ยนงานโครงการเป็นระยะสรุปเหตุการณ์  รวมถึงการเตรียมเสนอรายงานและผลที่ได้ในรูปของการจัดแสดงการค้นพบ  และจัดทำสิ่งต่าง ๆ สนทนา  เล่นบทบาทสมมติ  หรือจัดนำชมสิ่งที่ได้จากการก่อสร้างครูควรจัดให้เด็กได้แลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเรียนรู้กับผู้อื่น  เด็กสามารถช่วยกันเล่าเรื่องการทำโครงการให้ผู้อื่นฟังโดยจัดแสดงสิ่งที่เป็นจุดเด่นให้เพื่อนในชั้นเรียนอื่น  ครู  พ่อ แม่ ผู้ปกครอง  และผู้บริหารได้เห็น  ครูจะช่วยเด็กเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่จะนำมาแสดง  ซึ่งการทำเช่นนี้เท่ากับช่วยให้เด็กทบทวนและประเมินโครงการทั้งหมด  ครูอาจเสนอให้เด็กใช้จินตนาการ ความรู้ใหม่ที่ได้ผ่านทางศิลปะ ทางละคร 
 
*ทุกครั้งที่จบโครงการจะต้องมีการไต่ตรองสารนิทัศน์
การเรียนการสอนแบบ Project Approach เป็นส่วนส่งเสริมให้เด็กได้มีการพัฒนาทักษะในทุกด้านดังนี้
  • การคิดอย่างมีเหตุมีผล                                 
  • การทำงานอย่างเป็นระบบ
  • การวางแผนการทำงาน                            
  • ภาษา การสื่อสาร
  • พัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ              
  • การคิดแก้ปัญหา
  • ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ                  
  • การแสดงความคิดเห็น กล้าพูด กล้าทำ กล้าแสดงออก
  • มีความคิดรวบยอด                                                
  • การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
  • มีความกระตือรือร้นต่อการเรียนรู้ของสิ่งรอบตัว        
  • มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
  • มีความสุข สนุกสนานกับการเรียนรู้                   
  • เห็นคุณค่าในความคิดของตนเอง

วีดีโอเพิ่มเติมความรู้

ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : รูปแบบการเรียนรู้แบบโครงการเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องพบเจออยู่บ่อยๆ และอาจมีโอกาสได้สอน อาจารย์จึงให้เราทบทวนกระบวนการต่างๆ และไม่ควรข้ามขั้นแม้แต่ขั้นเดียว เพื่อความสมบูรณ์ของโครงการ
Skills
       - ทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล
       - ทักษะการฟัง
       - ทักษะการต่อยอดความรู้
       - ทักษะการนำเสนอ
       - ทักษะการสรุปความรู้จากข้อมูล


Technique teaching
       - การบรรยายความรู้
       - การถามตอบเพื่อกระตุ้น
       - การสรุปความรู้อย่างเป็นรูปธรรม

Adoption
       - สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการนำเสนอของเพื่อนๆ และอาจารย์ไปต่อยอดความรู้ในการออกแบบกิจกรรมการสอนเพื่อให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก และเหมาะสมกับวิธีการเรียนรู้ของเด็ก รวมไปถึงได้รับเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการออกแบบกิจกรรมอีกด้วย

Assessment
       ประเมินตนเอง 
              - เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย และตั้งใจฟังอาจารย์
       ประเมินเพื่อนร่วมชั้น 
              - เพื่อนๆเข้าเรียนตรงเวลา ช่วยกันตอบคำถามและตั้งใจเรียน 
       ประเมินอาจารย์ผู้สอน 
              - อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีการถามตอบกับนักศึกษาอยู่ตลอด

**คำศัพท์**
Development     แปลว่า     พัฒนาการ
Interest              แปลว่า     ความสนใจ
Innovation         แปลว่า     นวัตกรรม
Experience        แปลว่า     ประสบการณ์
Environment      แปลว่า     สภาพแวดล้อม

Record 14 Monday 30  April  2018 Knowledge               การเรียนการสอนในวันนี้เป็นการทดลองสอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์ในวันพฤหัสบ...