Cute Dog Bopping Head Welcome to blogger of Warunya Sridaoroek.

วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Record 6
Tuesday 20 February 2018
(postpone the date)
Knowledge

           เริ่มต้นการเรียนด้วยการแบ่งกลุ่มเพื่อระดมความคิดในการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย ก่อนอื่นต้องศึกษาสาระการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยก่อน ซึ่งต้องยึดตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย

สาระที่ควรเรียนรู้ 
           สาระในส่วนนี้กำหนดเฉพาะหัวข้อไม่มีรายละเอียดทั้งนี้ เพื่อประสงค์จะให้ผู้สอนสามารถกำหนดรายละเอียดขึ้นเองให้สอดคล้องกับวัย ความต้องการ ความสนใจของเด็ก อาจยืดหยุ่นเนื้อหาได้โดยคำนึงถึงประสบการณ์  และสิ่งแวดล้อมในชีวิตจริงของเด็ก ผู้สอนสามารถนำสาระที่ควรเรียนรู้มาบูรณาการ จัดประสบการณ์ต่างๆให้ง่ายต่อการ เรียนรู้  ทั้งนี้มิได้ประสงค์ให้เด็กท่องจำเนื้อหา แต่ต้องการให้เด็กเกิดแนวคิดหลังจากนำ สาระการเรียนรู้นั้นๆมาจัดประสบการณ์ให้เด็กเพื่อให้บรรลุจุดหมายที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ สาระที่ควรเรียนรู้ยังใช้เป็นแนวทางช่วยผู้สอนกำหนดรายละเอียดและความยากง่ายของเนื้อหาให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก สาระที่ควรเรียนรู้ประกอบด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก ธรรมชาติรอบตัว และสิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก  ดังนี้
           (1) เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก เด็กควรรู้จักชื่อ นามสกุล รูปร่าง หน้าตาของตน รู้จักอวัยวะต่างๆ และวิธีระวังรักษาร่างกายให้สะอาด ปลอดภัย มีสุขอนามัยที่ดี เรียนรู้ที่จะเล่นและ ทำสิ่งต่างๆด้วยตนเองคนเดียวหรือกับผู้อื่น ตลอดจนเรียนรู้ที่จะแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก และแสดงมารยาทที่ดี
           (2) เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก   เด็กควรได้มีโอกาสรู้จักและรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน รวมทั้งบุคคลต่างๆที่เด็กต้องเกี่ยวข้อง หรือมีโอกาสใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน 
           (3) ธรรมชาติรอบตัว เด็กควรจะได้รู้จักสิ่งมีชีวิตที่เป็นต้นไม้ ดอกไม้ สัตว์ รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของโลกที่แวดล้อมเด็กตามธรรมชาติ เช่น ฤดูกาล  กลางวัน  กลางคืน  ฯลฯ
                (4) สิ่งต่างๆ รอบตัวเด็ก เด็กควรจะได้รู้จักสิ่งของเครื่องใช้ ยานพาหนะและการสื่อสารต่างๆ ที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันของเด็ก
ซึ่งสาระการเรียนรู้ของเด็กที่เด็กควรได้รับการเรียนรู้นั้นมีอยู่ 6 สาระ คือ
  • วิทยาศาสตร์
  • คณิตศาสตร์
  • ภาษา
  • ศิลปะ
  • สุขศึกษาและพลศึกษา
  • สังคม
           ก่อนที่จะคิดแผนการจัดประสบการณ์ให้กับเด็กปฐมวัยนั้นเราต้องศึกษากรอบมาตรฐานการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในแต่ละวิชาก่อน เพื่อให้เรารู้ว่าในแต่ละสาระนั้นเด็กควรได้รับการพัฒนาเรื่องใดบ้าง ซึ่งในแต่ละสาระนั้นก็จะส่งเสริมพัฒนนาการของเด็กปฐมวัยอย่างเป็นองค์รวม เช่น สาระวิชาวิทยาศาสตร์ เด็กก็จะได้รับการส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญา เป็นต้น 

มาตรฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
สาระที่ 1 : สิ่งมิชีวีตกับกระบวนการดำรงชีวีต
       มาตรฐาน ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวีตความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหนาที่ของระบบตต่างๆ ของสิ่งมีชีวีตที่ทำงานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ในการดำรงชีวิตของตนเอง และดูแลสิ่งมีชีวีต
       มาตรฐาน ว 1.2 : เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม วิวิฒนาการของสิ่งมีชีวีติ ความหลากหลายทางชีวภาพ การใช้เทคโนโลยีชีวภาพที่มีผลต่อมนุษย์ และสิ่งแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
สาระที่ 2 : ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม
       มาตรฐาน ว 2.1 : เข้าใจสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ความสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิต ความสมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวีตต่างๆ ในระบบนิเวศ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
       มาตรฐาน ว 2.2 : เข้าใจความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติในระดับท้องถิ่น ประเทศ และโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
สาระที่ 3 : สารและสมบัติของสาร
       มาตรฐาน ว 3.1 : เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้าง และแรงยึดเหนึยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
       มาตรฐาน ว 3.2 : เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการเปลี่ยนสถานะของสาร การเกิดสารละลาย การเกิดปฏิกิริยาเคมี มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
สาระที่ 4 : แรงและการเคลื่อนที่
       มาตรฐาน ว 4.1 : เข้าใจธรรมชาติของแรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงโน้มถ่วงและแรงนวเคลียร์ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องและมีคุณธรรม
        มาตรฐาน ว 4.2 : เข้าใจลักษณะการเคลื่อนที่แบบต่างๆ ของวัตถุในธรรมชาติ มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
สาระที่ 5 : พลังงาน
       มาตรฐาน ว 5.1 : เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับการดำรงชีวิต การเปลี่ยนรูปพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสารและพลังงาน ผลของการใช้พลังงานต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
สาระที่ 6 : กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก
      มาตรฐาน ว 6.1 : เข้าใจกระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพันธ์ของกระบวนการต่างๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสัณฐานของโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
สาระที่ 7 : ดาราศาสตร์และอวกาศ
        มาตรฐาน ว 7.1 : เข้าใจวิวัฒนาการของระบบสุริยะและกาแลกซี่ ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะและผลต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกมีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
       มาตรฐาน ว 7.2 : เข้าใจความสำคัญของเทคโนโลยี อวกาศที่นำมาใช้ในการสำรวจอวกาศ และทรัพยากรธรรมชาติ ด้านการเกษตรและการสื่อสาร สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์อย่างมีศีลธรรมต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม
สาระที่ 8 : ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
       มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาศาสตร์ ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ มีรูปแบบทที่แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมและสิ่งแวดล้อม มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
มาตรฐานการเรียนรู้คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
สาระที่ 1 : จำนวนและการดำเนินการ
       มาตรฐาน ค.ป. 1.1 : เข้าใจถึงความหลากหลายของการแสดงจำนวนและการใช้จำนวนในชีวิตจริง
สาระที่ 2 : การวัด
       มาตรฐาน ค.ป. 2.1 : เข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการวัดความยาว  น้ำหนัก  ปริมาตร  เงิน  และเวลา
สาระที่ 3 : เรขาคณิต
       มาตรฐาน ค.ป. 3.1 : รู้จักใช้คำในการบอกตำแหน่ง  ทิศทาง  และระยะทาง
       มาตรฐาน ค.ป. 3.2 : รู้จัก  จำแนกรูปเรขาคณิต  และเข้าใจการเปลี่ยนแปลงรูปเรขาคณิตที่เกิดจากการจัดกระทำ
สาระที่ 4 : พีชคณิต
       มาตรฐาน ค.ป. 4.1 : เข้าใจแบบรูปและความสัมพันธ์
สาระที่ 5 : การวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็น
       มาตรฐาน ค.ป. 5.1 : รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับตนเองและสิ่งแวดล้อม  และนำเสนอ
สาระที่ 6 : ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ 
      ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์  ได้แก่  การแก้ปัญหา  การให้เหตุผล  การสื่อสาร  การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์  และการนำเสนอ  การเชื่อมโยงความรู้ต่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์  และเชื่อมโยงคณิตศาสตร์กับศาสตร์อื่นๆ และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

           เมื่อนักศึกษาได้ศึกษาสาระการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยและสาระวิชต่างๆแล้ว อาจารย์ก็ได้ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มระดมความคิดว่าหน่วยการเรียนรู้ของแต่ละกลุ่มนั้นเป็นสาระการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในเรื่องใด และทำ mind map ของแต่ละการเรียนรู้ของเด็ก

หน่วย ใต้ร่มเงาไม้

หน่วย อาหารดีมีประโยชน์
 
หน่วย ผลไม้เพื่อสุขภาพ
หน่วย ตัวฉัน
 
หน่วย ประสาทสัมผัสทั้ง 5
หน่วย บ้านแสนรัก


Skills
       - ทักษะสรุปข้อมูล
       - ทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล
       - ทักษะการทำงานเป็นทีม

Technique teaching
       - กิจกรรมกลุ่ม
       - การบรรยาย 
       - การกระตุ้นด้วยการถามคำถาม

Adoption
       - สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนไปใช้ได้ โดยได้จากการศึกษาสาระการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ทำให้เราสามารถนำไปจัดประสบการณ์ให้เด็กปฐมวัยได้อย่างถูกต้อง

Assessment
       ประเมินตนเอง 
              - ตั้งใจเรียน เข้าเรียนตรงเวลา 
       ประเมินเพื่อนร่วมชั้น 
              - เพื่อนๆ เข้าเรียนตรงเวลา และตั้งใจเรียน
       ประเมินอาจารย์ผู้สอน 
              - อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีการถามตอบกับนักศึกษาอยู่ตลอด

**คำศัพท์**
Learning                       แปลว่า    การเรียนรู้
Natural resources แปลว่า ทรัพยากรธรรมชาติ
Movement                   แปลว่า     การเคลื่อนที่
energy                         แปลว่า     พลังงาน
Number                       แปลว่า     จำนวน

วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Record 5
Monday 12 February 2018
Knowledge
          การเรียนการสอนในวันนี้เป็นการนำเสนอรูปแบบการสอนในรูปแบบต่างๆ

กลุ่มที่ 1 เทคนิคการสอนแบบ storyline
          เป็นการนำสาระการเรียนรู้จากหลากหลายเรื่องมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เพื่อจัดการเรื่องรู้ภายใต้หัวเรื่องเดียวกัน โดยผูกเรื่องเป็นตอนๆเรื่องแต่ละตอนจะต่อเนื่องกันและมีลำดับเหตุการณ์ และเส้นทางการเดินเรื่องและใช้คำถามหลัก เป็นการนำไปสู่การทำกิจกรรมอย่างหลากหลายโดยการลงมือปฏิบัติ เน้นการคิด วิเคราะห์ กระบวนการกลุ่ม



** การเลือกเรื่องที่ต้องการให้เด็กศึกษา ควรเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเด็กและมีสถานการณ์มาเป็นตัวนำในการเข้าเรื่อง

องค์ประกอบและลักษณะกิจกรรม
1. ฉาก 
  • แบ่งกลุ่มสร้างภาพ สองมิติ สามมิติ
  • กำหนดรายการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่
  • ร่วมกันอภิปรายภาพและสิ่งที่เกิดขึ้น
  • อภิปรายทั่วไปเกี่ยวกับสถานที่ โดยเงื่อนไขของเวลาต่างๆ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
** ฉาก คือ การสร้างฉากหลังของเรื่องที่ต้องการให้เด็กศึกษา โดยเด็กๆ ร่วมมือกันลงมือทำ โดยการทำฉากนั้นเด็กจะได้รับการส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย จากการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย เมื่อเด็กสร้างผลงานสำเร็จแล้วเด็กจะเกิดความภาคภูมิใจในตนเองทำให้ได้พัฒนาการด้านอารมณ์ รวมไปถึงการได้ทำงานร่วมกับผู้อื่น และการได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในผลงานด้วย


2. ตัวละคร
  • ช่วยกันสร้าง (วาด ประดิษฐ์) ตัวละครที่กำหนดขึ้น
  • ช่วยกันเสนอแนะว่ามีใครบ้าง ที่จำเป็นต้องมีอยู่ในเรื่องนี้
  • เล่าเขียนอธิบายลักษณะนิสัย เพื่อนำไปเป็นเนื้อหาสาระการเรียนรู้ต่อไป
** ตัวละคร คือ การสร้างตัวละครจากเรื่องที่เลือกหรือเป็นการบันทึกลักษณะของตัวละครต่างๆ โดยเด็กจะเล่าเรื่องผ่านการวาดหรือประดิษฐ์ 


3. การดำเนินชีวิต
  • ร่วมกันอภิปรายถึงวิถีชีวิต ของบุคคลต่างๆ ในการดำเนินชีวิตตามลักษณะความเป็นอยู่
  • กิจวัตรประจำวัน การเดินทาง

4. เหตุการณ์
  • ผู้เรียนได้ข้อสนอแนะถึงความเป็นไปได้ โดยการอภิปรายหรือถกเถียงร่วมกัน
  • ผู้เรียนสะท้อนภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อธิบายเรื่องราวในแง่มุมต่าง ๆ

5. กฎระเบียบ
  • ผู้เรียนอภิปรายถึงการกำหนดแนวทาง หลักการปฏิบัติดำเนินชีวิตร่วมกัน ตามเนื้อหาสาระ
  • เขียน พิมพ์แนวทาง แผนงาน นโยบาย กิจกรรม ข้อตกลง ปิดประกาศ แจ้งให้ทราบทั่วกัน

6. จังหวะเวลา
  • ให้เหตุผลต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ตามช่วงเวลาต่างๆ
  • พัฒนาแนวคิดต่างๆ โดยการอภิปราย ปฏิบัติงานร่วมกันและบันทึกข้อมูล

7. เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น
  • ผู้สอนและผู้เรียนร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมที่นำไปสู่การสรุปเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้ทุกคนมีความสุข เช่นงานเฉลิมฉลอง การมอบรางวัล
  • วางแผนกำหนดกิจกรรมให้สมบูรณ์ เช่น พิธีเปิด กำหนดการ จดหมายขอบคุณ การแสดง การนำเสนอผลงาน

8. การสะท้อนผลงาน
  • ผู้สอนกระตุ้นให้ผู้เรียนสะท้อนความรู้สึกวิพากษ์ประเด็นสำคัญ เปรียบเทียบความแตกต่าง สรุปความรู้ที่ได้จัดทำเอกสารเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ สื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือเล่มเล็ก แฟ้มสะสมงาน
แนวทางการจัดกิจกรรม
  • ศึกษาแลกเปลี่ยน เรียนรู้ วิธีการจัด กิจกรรมแบบ storyline
  • ศึกษาตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่มีลักษณะหัวเรื่องโดยใช้เทคนิค storyline เลือกแผนที่มีความเหมาะสมกับชั้นเรียน เพื่อทดลองสอน
  • เลือกแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีความยาวสลับซับซ้อนมากขึ้นมาทดลองอีก 2-3 แผนเพื่อให้ชำนาญ
  • ทดลองเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ตามหัวข้อเรื่องที่สนใจผูกโยงเนื้อหาสาระการเรียนรู้ที่หลากหลาย เข้าด้วยกัน
  • สร้างคำถามหลักเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนรู้แบบ storyline
  • กำหนดระยะเวลาสอนในแต่ละหัวข้อ อาจกำหนดต่อเนื่องกัน 2-3 ชั่วโมงในทุกวันศุกร์ช่วงบ่าย หรือสอนวันเว้นวัน หรือสัปดาห์สุดท้าย ก่อนปิดภาคเรียน
  • นำแผนไปทดลองสอน
  • บันทึกหลังสอน ปรับแผน กิจกรรม ระยะเวลา
  • เนื้อหาสาระการเรียนรู้
  • เตรียมสื่อแหล่งการเรียนรู้ แหล่งวิทยาการ วิทยากร สถาน
  • ประเมินผลงานของนักเรียน






อ้างอิง
สุคนร์ สินธพานนท์และคณะ.(2554) วิธีสอนตามแนวปฏิรูปการศึกษา                        
         เพื่อพัฒนาคุณภาพของเยาวชน. ห้างหุ้นส่วนจำกัด 9119    
         เทคนิคพริ้นติ้ง.
ฆนัท ธาตุทอง.(2551) การออกแบบการสอนและบูรณาการ.เพชรเกษม 
          การพิมพ์.

ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : ควรมีวีดีโอ หรือการสาธิตตัวอย่างการสอนให้เห็นเป็นรูปธรรม

กลุ่มที่ 2 การสอนแบบวอลดอร์ฟ
ผู้ริเริ่มแนวการสอนที่รู้จักชื่อแพร่หลายแบบวอลดอร์ฟ (Waldort) คือ รูดอร์ฟ สไตเนอร์(Rudolf Steiner) วิธีการสอนของสไตเนอร์หรือวอลดอร์ฟ นั้นจัดเป็นการเรียนการสอนแบบเน้นกิจกรรมการเล่น คือ ดนตรี จังหวะ บทเพลง นิทาน เพราะกิจกรรมเหล่านี้ช่วยส่งเสริมความคิดจินตนาการของเด็ก และช่วยพัฒนาการการเคลื่อนไหวของร่างกาย


แนวการเรียนการสอนของโรงเรียนวอลดอร์ฟ
โรงเรียนแนวการเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ เป็นแนวการศึกษาที่บูรณาการวิชาการไปกับกิจกรรรมต่างๆ โดยมีครูคอยดูแลและอำนวยความสะดวก เน้นการจัดบรรยากาศในการเรียนการสอนที่เน้นความงดงามของธรรมชาติทั้งในกลางแจ้งและในห้องเรียน โดยเชื่อว่าช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี เพื่อพัฒนาให้เด็กเป็นมนุษย์ที่มีบุคลิกภาพที่สมดุลกลมกลืนไปกับโลกและสิ่งแวดล้อมและได้ใช้พลังงานทุกด้านอย่างพอเหมาะ


จุดเด่นของโรงเรียนแนวการสอนวอลดอร์ฟ
  • เป้าหมาย คือ ช่วยให้มนุษย์บรรลุศักยภาพสูงสุดที่ตนมีและสามารถกำหนดความมุ่งหมายและแนวทางแก่ชีวิตของตนได้อย่างอิสระ
  • เน้นเรื่องของการเชื่อมโยงมนุษย์กับจักรวาล โดยมีมุมมองว่า เด็กควรได้เล่นอย่างอิสระ ชีวิตเรียบง่ายกลมกลืนกับธรรมชาติ เน้นการสอนให้รู้จักจุดยืนที่สมดุลของตนในการใช้ชีวิตอยู่บนโลก โดยผ่านกิจกรรม 3 อย่างคือ กิจกรรมทางกาย ผ่านอารมณ์ความรู้สึก และผ่านการคิด เน้นการให้เด็กได้ใช้พลังทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ด้านศิลปะ และด้านการปฏิบัติอย่างพอเหมาะ
  • จะสอนตามพัฒนาการของเด็ก โดยเฉพาะวัย 0-7 ปีเป็นวัยที่มีพัฒนาการทางกายมาก จึงเน้นไปที่การเล่นเพื่อพัฒนาอวัยวะส่วน
  • สิ่งที่การเรียนแนววอลดอร์ฟเน้นมากคือ "จินตนาการของเด็กคือการเรียนรู้" วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้จะต้องเป็นธรรมชาติ เช่น ถ้าวาดรูป สีที่ใช้ก็จะมีแค่สีปฐมภูมิ คือ สีแดง สีน้ำเงิน สีเหลือง เท่านั้น แนวคิดนี้จะทำให้เด็กมีจิตใจอ่อนโยน มองเห็นว่าโลก สิ่งแวดล้อม และสรรพสิ่งเป็นสิ่งเดียวกันต้องช่วยกันรักษา ซึ่งส่งเสริมให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์เป็น


กิจกรรมที่มุ่งเน้นในโรงเรียนวอลดอร์ฟ
ส่วนใหญ่แล้วโรงเรียนแนววอลดอร์ฟมักจะเน้นไปที่การเรียนรู้แบบธรรมชาติ ไม่มีห้องเรียน ไม่มีกระดานดำ แต่จะมีมุมต่างๆ ให้เด็กได้เรียนรู้ ได้เป็นอิสระที่จะคิดและสร้างสรรค์ หรือหากเด็กๆ ต้องการเล่นตุ๊กตา เล่นรถ ในห้องก็จะมีข้าวของที่ทำจากธรรมชาติให้ประดิษฐ์ดัดแปลงเล่นกัน เช่น ผ้าหลากสี ท่อนไม้ เปลือกไม้ ลูกสน เป็นต้น ทุกอย่างจะถูกกำหนดให้เป็นได้สารพัดตามแต่ใจเด็กๆ

สภาพแวดล้อมในโรงเรียนวอลดอร์ฟ
รูดอร์ฟ สไตเนอร์ นักปรัชญาชาวเยอรมัน ผู้ริเริ่มแนวการเรียนการสอนแนววอลดอร์ฟเชื่อว่า สิ่งแวดล้อมที่ดีจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี โดยเฉพาะเด็กๆ ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนจะซึมซับสิ่งแวดล้อมและเรียนรู้ได้ง่าย ดังนั้นการจัดบรรยากาศทั้งในและนอกชั้นเรียนจึงเป็นเรื่องสำคัญ มีการเน้นความงดงามตามธรรมชาติ เช่น การจัดสีที่นุ่มนวล แสงสว่างจากธรรมชาติที่ไม่จัดจ้า ตลอดจนเสียงที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม เช่น นกร้อง ใบไม้ไหว น้ำไหลริน หรือเสียงดนตรีที่ไพเราะ จะสร้างความรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยน และสดชื่นให้เกิดขึ้นในจิตใจเด็กเด็กจะมีพลังตื่นตัวและมีสมาธิในการเรียนรู้ได้ไม่ยาก

สิ่งที่เด็กได้รับจากการเรียนโรงเรียนวอลดอร์ฟ
            การเรียนการสอนแนววอลดอร์ฟจะช่วยให้เด็กเติบโตเป็นมนุษย์ที่มีบุคลิกภาพสมดุลกลมกลืนกับโลกและสิ่งแวดล้อม ให้เด็กได้พัฒนาทั้งร่างกายและจิตวิญญาณควบคู่กันไป เด็กจะพัฒนาถึงศักยภาพสูงสุดของตนได้ โดยการเรียนรู้ของเด็กนั้นจะเป็นไปอย่างสมดุล โดยการเรียนรู้ทางกาย (การลงมือทำ) หัวใจ (ความรู้สึก ความประทับใจ) และสมอง (ความคิด)

อ้างอิง
อารี สัณหฉวี. นวัตกรรมปฐมวัยปีที่พิมพ์ 2537 การสอนแบบวอลดอร์ฟจะพัฒนาเด็กได้อย่างไร
แนวการเรียนการสอนของโรงเรียนวอลดอร์ฟ เรียบเรียงข้อมูลจาก : พ็อกเก็ตบุ๊กส์ เลือกอนุบาล เพื่อสร้างอนาคตลูก จาก สำนักพิมพ์รักลูกบุ๊กส์
ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : การเรียนการสอนตามแนววอลดรอฟ เป็นวิธีการเรียนรู้ที่อิงธรรมชาติ หากเราไปเป็นครูต่างจังหวัดเราสามารถใช้กิจกรรมตามได้

กลุ่มที่ 3 แนวการสอนแบบภาษาธรรมชาติ

ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : การสอนแบบภาษาธรรมชาติเป็นเพียงปรัชญาความเชื่อ ไม่ใช่วิธีการสอนที่ต้องทำตามขั้นสอน ภาษาธรรมชาติคือการสอนบูรณาการเรื่องภาษา ไปในกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้แต่ยังไม่ได้เน้นให้เด็กอ่านเขียนมาก
Skills
       - ทักษะสรุปข้อมูล
       - ทักษะการฟัง
       - ทักษะการคิดอย่างมีเหตุผล

Technique teaching
       - การบรรยายความรู้
       - การถามตอบเพื่อกระตุ้น
       - การอธิบายเพิ่มเติมจากข้อมูลที่มีอยู่

Adoption
       - สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนไปใช้ได้ โดยการปรับรูปแบบการเรียนการสอนเพื่อนำไปพัฒนาเด็กปฐมวัยผ่านกิจกรรมต่างๆ และยังได้เข้าใจธรรมชาติของเด็กมากขึ้นอีกด้วย

Assessment
       ประเมินตนเอง 
              - เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย มีการตอบคำถาม และตั้งใจฟังอาจารย์
       ประเมินเพื่อนร่วมชั้น 
              - เพื่อนๆ เข้าเรียนตรงเวลา ช่วยกันตอบคำถามและตั้งใจเรียน 
       ประเมินอาจารย์ผู้สอน 
              - อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา มีการถามตอบกับนักศึกษาอยู่ตลอด
**คำศัพท์**
encourage    แปลว่า     ส่งเสริม
Lifestyle แปลว่า การดำเนินชีวิต
develop         แปลว่า     พัฒนา
motion           แปลว่า     การเคลื่อนไหว
process         แปลว่า     แนวทาง

Record 14 Monday 30  April  2018 Knowledge               การเรียนการสอนในวันนี้เป็นการทดลองสอนกิจกรรมเสริมประสบการณ์ในวันพฤหัสบ...